เมื่อพรีเมียร์ลีก ผ่านไป 11 นัด สเปอร์ส กับ ลิเวอร์พูล ทำแต้มเท่ากันบนหัวตาราง แตกต่างกันแค่ผลต่างประตูได้-เสียเท่านั้น !!!
“หงส์แดง” ในฐานะแชมป์เก่ายังคงทำตัวสมกับเป็น “เต็งหนึ่ง” ที่มากด้วยความน่าขามเกรง ขนาดตัวผู้เล่นสำคัญเจ็บกันระนาวกว่าครึ่งทีมยังอุตส่าห์ยืนระยะพลางแสยะยิ้มได้อย่างเย้ยหยันอันแสดงให้เห็นถึงคุณภาพและมาตรฐานที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ฝังเอาไว้เป็นเวลานานจนกลายเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบยิ่งนัก ขณะที่ “คลับไก่” เพิ่งสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นผู้ท้าชิงพลางเขย่าบัลลังก์แชมป์จนสั่นคลอน
พูดถึงคุณสมบัติของทีมที่จะพุ่งเข้าชนและวิ่งเข้าใส่ความสำเร็จอันดับแรกคือคุณต้องมีขนาดของทีมที่ใหญ่และยาว
ใหญ่และยาวชนิดที่เธอเห็นแล้วต้องเผลออุทานดีใจออกมาเป็นภาษาอังกฤษว่า…เยส…เยส…เยส…และเยสนะคะ – ตัวจริงกับตัวสำรองคุณภาพใกล้เคียงกัน สามารถทดแทนกันได้แบบไม่เหลื่อมล้ำมากนัก
จุดนี้ สเปอร์ส สามารถจัดทีมชุดใหญ่ได้ 2 ทีมแบบสบายๆปัญหาของ สเปอร์ส ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตคือเรื่องสภาพจิตใจ
พวกเขาเคยเป็นสโมสรที่ใจปลาซิว โดยปราศจากจิตวิญญาณของเพชฌฆาต เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงเวลาเข้าได้เข้าเข็ม หรือเมื่อเดินทางมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่มักจะแหกโค้งพุ่งไปชนเสาไฟฟ้าคอหักตายอนาถเป็นประจำ จุดนี้กุนซือผู้มีอาการทางจิตอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ช่วยให้ลูกทีมมีความเป็น “แมตช์วินเนอร์” มากขึ้น
หลักฐานสำคัญคือการเย่อกับทีมใหญ่ได้อย่างเมามันมากขึ้น และสามารถพิชิตทีมที่ขนาดเล็กกว่าได้อย่างไม่ระบมหัวแม่ตีน
ฤดูกาลนี้ สเปอร์ส โค่นมาแล้วทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด, แมนฯ ซิตี้ และอาร์เซน่อล ส่วนการบุกไปเสมอกับ เชลซี ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็มิใช่เรื่องเสียหาย
เมื่อเจอทีมขนาดเล็กกว่าก็ตบหัวทิ่ม โดยมีอยู่ 2 นัดที่ทำแต้มหล่นหายอย่างน่าเสียดาย คือเกมที่เสมอ นิวคาสเซิ่ล 1-1 และเสมอ เวสต์แฮม 3-3 ซึ่งพอจะอนุโลมได้ว่าเป็นอุบัติเหตุทางลูกหนัง
ลิเวอร์พูล ก็ประสบอุบัติเหตุทางลูกหนังแบบนี้เช่นกันยกตัวอย่างเช่นเกมที่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน และ ไบรท์ตัน ซึ่งอาจบอกได้ว่าพวกเขาถูก “VAR” ปล้นชัยอย่างอุกอาจ
.jpg)
ทีมที่จะเป็นแชมป์ต้องมีดาวเด่นที่ระเบิดฟอร์มกระฉูดแตกออกมาบนความโดดเด่นเป็นสง่าอย่างน้อย 1 คน
สเปอร์ส มีทั้ง แฮร์รี่ เคน กับ ซน ฮึง มิน เป็นคู่หูมหาประลัยโค่นพระกาฬ แถมด้วยอาวุธลับอย่าง แกเร็ธ เบล ที่วันนี้อาจยังไม่พร้อมลงสนามจึงยังไม่ได้แผลงฤทธิ์อะไรมาก แต่เส้นทางยังเหลืออีกไกล ซึ่งในระยะยาว ดาวเตะระดับโลกแบบนี้แหละที่สามารถสร้างความแตกต่างได้
ตอนที่ เลสเตอร์ ซิตี้ รจนาเทพนิยายพรีเมียร์ลีก พวกเขาสามารถใช้ผู้เล่นตัวหลักอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีใครถูกลักพาตัวไปไหนนานๆ จนนำมาซึ่งความสำเร็จ
แน่นอนว่าทั้ง “แฮร์รี่” กับ “ซอนนี่” ห้ามป่วย ห้ามลา ห้ามถูกเอเลี่ยนลักพาตัวไปไหน เพียงแต่เรื่องแบบนี้มันไม่สามารถคาดเดาได้ กระนั้นทีมที่จะประสบความสำเร็จ นอกจากจะ “เก่ง” มันต้อง “เฮง” อีกต่างหาก
ถึงตอนนี้ สเปอร์ส ไม่แพ้ในพรีเมียร์ลีกมา 10 เกมติดต่อกัน นับตั้งแต่เสียท่าให้ เอฟเวอร์ตัน ในเกมเปิดฤดูกาล มันแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีเกมรับที่เหนียวแน่นและแข็งแกร่งจนกลายเป็นทีมที่แพ้ยาก เสียประตูน้อยที่สุดอีกต่างหาก
และถ้าเราเอาคำพูดของกุนซือที่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุดในโลกอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาเป็นบรรทัดฐาน
ป๋าบอกว่า “เกมรุกช่วยให้คุณชนะคู่แข่ง เกมรับช่วยให้คุณเป็นแชมป์”
โชเซ่ มูรินโญ่ ก็คงกำลังทำอย่างที่ท่านพระยาหมื่นลูกหนังเคยหล่นเอาไว้ด้วยวิธีการเล่นแบบ “พาร์ค เดอะ บัส” ซึ่งช่วยให้ สเปอร์ส มีเกมรับที่ไฉไลเป็นบ้ามากขึ้น เนื่องจากตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คของตัวเองอย่าง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ เริ่มโรยรา ขณะที่ เอริก ดายเออร์ ถูกตัดแต่งพันธุกรรมมาจากมิดฟิลด์ตัวกลาง ผิดกับ ลิเวอร์พูล ที่เกมรับเหนียวแน่นและเสียประตูยากด้วยปราการหลังและนายทวารระดับโลกอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อลิสซง เบ็คเกอร์
หมายความว่าทีมหนึ่งเกมรับแน่นด้วยวิธีการเล่น ขณะที่อีกทีมหนึ่งเกมรับแน่นด้วยคุณภาพของผู้เล่น
สิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมเห็นจาก สเปอร์ส คือการเล่นอย่างมีระเบียบวินัยตามคำสั่งของผู้จัดการทีมแบบไม่มีบิดพลิ้ว โดยผู้เล่นทุกตำแหน่งต้องมีส่วนกับการเล่นเกมรับ
ส่วนในการศึกครั้งล่าสุดกับ อาร์เซน่อล นี่ก็ชัดเจนในเรื่องของเหลี่ยมเล่ห์และกลยุทธ์
เพราะเมื่อเทียบตำแหน่งต่อตำแหน่ง รวมถึงฟอร์มการเล่น ตัวผู้เล่นและฟอร์มการเล่นของน้องไก่เหนือกว่าทีมปืนโต แถมยังเหนือกว่าทั้งเกมรุกและเกมรับจนสามารถเปิดเกมรุกแลกหมัดได้แบบไม่ขัดเขินทว่าเจ้าของสมญา “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” กลับเลือกที่จะให้ลูกทีมเล่นเกมรับอาร์เซน่อล เป็นบอลระบบ อาศัยการครองบอลทำเกมรุก แต่ไร้ซึ่งประสิทธิ์ภาพ “มูมู่” จึงทำการขุดบ่อล่อปลาด้วยการปล่อยให้ อาร์เซน่อล เอาบอลกลับบ้านไป แล้วตั้งรับอย่างรัดกุม ก่อนหาจังหวะจู่โจมแบบลอบฆ่า
ประตูแรก แฮร์รี่ เคน ถอยตัวเองลงมาเอาบอลตรงกลางสนามแล้วผ่านจังหวะเดียวให้ ซน ฮึง มิน ควบตะบึงไปปั่นโค้งเข้าเสาไกลอย่างเลือดเย็น
ประตูที่ 2 มาจากจังหวะสวนกลับเหมือนเดิมที่ผู้เล่นคนหนึ่งลากจี้เข้าใส่กรอบเขตโทษตรงๆ โดยมีตัวเลือกที่สับตีนขนาบข้างขึ้นมาทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวา ก่อนจะเลือกจ่ายให้ดาวเตะสายพันธุ์กิมจิทางซ้าย แล้วดึงจังหวะจนคู่หูของตัวเองอ้อมหลังขึ้นมาจึงค่อยสะกิดบอลให้ทันใด อาร์เซน่อล ก็ไส้แตกไปตามระเบียบในทางกลับกัน เมื่อเจอทีมที่ศักดินาต่ำกว่า พวกเขาไม่รอช้าที่จะโขยกเข้าใส่แบบไม่ยั้งหยุด
ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2015-16 สเปอร์ส จากการทำงานของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ห้ำหั่นกับ เลสเตอร์ ซิตี้ เพื่อแย่งตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ก่อนจะสติแตกและจิตหลุดในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลที่สองข้างทางอุดมด้วยความกดดันอย่างจงหนัก
ผู้เล่นชุดนั้นยังหลงเหลือมาถึงตอนนี้เกือบครึ่งทีมเลยนะครับ ถือว่ามีประสบการณ์ โดยมีกุนซือผู้จัดเจนบนถนนลูกหนังอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้บัญชาการ จึงพอจะสรุปในเบื้องต้นได้ว่า สเปอร์ส และนาทีนี้มีดีพอที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ตามขุมพลังของเครื่องจักรสีแดงก็ยังเร็วแรงแบบไม่มีตก โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายสรรพคุณอะไรให้มันมากความ
ด้วยวิธีการเล่นในจังหวะโลหะมรณะ ด้วยคุณภาพของนักเตะและผู้จัดการทีม และด้วยประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์ที่มีมากกว่า
ลิเวอร์พูล ยังเหนือกว่าผู้ท้าชิงอย่าง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ นะครับ
ฉะนั้น & ฉะนี้
หากต้องการจะคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ สเปอร์ส ต้องจัดการกับคู่ขับเคี่ยวโดยตรงของตัวเองให้จงได้ในการปะทะกันเอง
ยกแรกกำลังจะเดินทางมาถึงในอีกไม่นานเกินรอ ค่ำคืนวันพุธที่ 16 ธันวาคมนี้
คู่นี้เจอกันไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อไหร่ สามารถใส่สกอร์ล่วงหน้าให้พลพรรคหงส์แดงได้เลยนะครับ เพราะแพ้ทางกันอย่างรุนแรง
อันดับแรก สเปอร์ส ต้องเอาตัวรอดจากความพ่ายแพ้ให้ได้เสียก่อน และหากอหังการถึงขั้นยัดเยียดความปราชัยให้ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ นอกจากจะเป็นการตัดกำลังของคู่ขับเคี่ยวโดยตรงของตัวเองแล้ว มันยังนำมาซึ่งขวัญและกำลังใจอันมหาศาลอีกต่างหาก
ติดตามทุกเรื่องราว ข่าวใหม่ๆได้ที่ >>>liverpoolworld<<<
ติดตามข่าวเพิ่มเติมได้ที่>>>>ดูบอล,ดูบอลออนไลน์<<<<
ขอบคุณเรื่องราวข่าวจาก >>>siamsport<<<
