“อาร์เจนติน่า-บราซิล” กอดคอคว้าชัยคัดเลือกบอลโลก โซนอเมริกาใต้
“ฟ้า-ขาว” อาร์เจนติน่า เจ้าของแชมป์ โกปา อเมริกา ทีมล่าสุดลงทำศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 2022 โซนอเมริกาใต้ บุกเยือนทีมชาติเวเนซุเอลา โดย อาร์เจนฯ มี 12 คะแนนจากการลงสนาม 6 นัด ส่วนทีมเจ้าถิ่นรั้งท้ายของตารางคะแนนมีแค่ 4 แต้มจาก 6 เกม
ลิโอเนล สกาโลนี่ ผู้จัดการทีม อาร์เจนติน่า ส่งผู้เล่นตัวจริงลงครบครัน ทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ สตาร์จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ที่จับคู่กับ เลาตาโร่ มาร์ติเนซในแดนหน้า และยังมี อังเคล ดิ มาเรีย ร่วมทำเกมรุกด้วยอีกหนึ่งคน
เปิดฉากมาเป็นทีมเยือนที่เดินหน้าบุกเข้าใส่ตามฟอร์ม มีโอกาสได้ลุ้นประตูขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 12 เมื่อ โรดริโก้ เดอ ปอล ยิงด้วยเท้าขวาแต่บอลไปชนคาน จากนั้น เดอ ปอล คนเดิมรับบอลจาก เมสซี่ ได้ยิงด้วยซ้าย แต่บอลหลุดออกข้างไป จากนั้น อาร์เจนฯ มีโอกาสอยู่เรื่อยๆ จาก อังเคล ดิ มาเรีย, โจวานนี่ โล เซลโซ่ และ มาร์ติเนซ จนกระทั่งนาที 32 ลุยส์ มาร์ติเนซ แนวรับถูกใบแดงไล่ออกจากสนามหลังจากที่ผู้ตัดสินเช็กภาพจาก วีเออาร์ ในจังหวะที่เจ้าตัวไปย้ำใส่หน้าแข้งของ เมสซี่ เข้าเต็ม ๆ
ครึ่งเวลาแรกเกมทำท่าจะเสมอกัน แต่ อาร์เจนติน่า ก็มาได้ประตูอออกนำจนได้ เมื่อ โล เซลโซ่ แทงทะลุช่องให้ มาร์ติเนซ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วยิงด้วยซ้ายสวนตัว วิลเคอร์ ฟาริเนซ นายด่าน เวเนซุเอล่า พาทีมออกนำ 1-0 ในนาที 45+2
อาร์เจนติน่า อาศัยตัวผู้เล่นที่เหนือกว่าครองเกมบุกอยู่นาน และมาได้ประตูขึ้นนำสำเร็จจากจังหวะที่ มาร์ติเนซ หลุดเข้าไปยิงสวนทางนายด่าน เวเนซุเอลา พาทีมออกนำ 1-0 ในนาที 45+2
เข้าสู่ครึ่งหลังนาที 72 จังหวะทำชิ่งกันสามคนระหว่าง โจอากิน กอร์เรอา, เมสซี่ และ มาร์ติเนซ ก่อนที่ฝ่ายแรกจะเป็นคนสังหารประตูที่ 2 พา “ฟ้า-ขาว” หนีห่างเป็น 2-0 และจากนั้น 3 นาที กอร์เรอา คนเดิมตามซ้ำจังหวะสองส่งบอลเข้าประตูให้ อาร์เจนฯ ทิ้งไปสุดกู่ 3-0
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ผู้ตัดสินใช้เวลานานหลายนาทีเพื่อเช็กจังหวะลูกฟาวล์ในเขตโทษ ก่อนที่จะตัดสินใจชี้เป็นลูกโทษแก่ เวเนซุเอลา โดยเป็น เยเฟอร์สัน โซเตลโด้ สังหารไม่พลาด เป็นประตูตีไข่แตกของ เวเนฯ และจบเกมไปด้วยชัยชนะของ อาร์เจนติน่า 3-1 เหนือเจ้าถิ่น
อีกหนึ่งคู่จ่าฝูงของกลุ่มอย่างทีมชาติบราซิล ที่เก็บชัยชนะรวด 6 นัดบุกไปเยือน ชิลี ที่กำลังดิ้นรนอย่างหนักเพื่อทำแต้มไปติดอันดับ 1 ใน 5 หลังมีแค่ 6 แต้มจาก 6 นัด
ตีเต้ กุนซือใหญ่ทัพ”แซมบ้า” ขาดดาวดังที่ค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลายรายทั้ง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ริชาร์ลิซอน, ฟาบินโญ่, เอแดร์ซอน และ อลีสซง เบ็คเกอร์ โดย 11 ผู้เล่นตัวจริงใช้ เนย์มาร์ ทำเกมรุกร่วมกับ กาเบรียล บาร์โบซ่า และ วินิซิอุส จูเนียร์
ครึ่งเวลาแรกกลายเป็นเจ้าถิ่นที่ครองเกมเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด และมีโอกาสจบสกอร์หลายต่อหลายหนแต่สุดท้ายพลาดเป้าไปทั้งหมด ส่วนทัพ”เซเลเซา” มีโอกาสยิง 4 ครั้ง และเข้ากรอบแค่หนเดียว หมด 45 นาทีแรกทั้งสองทีมยังเสมอกัน 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลังนาที 64 บราซิล ที่แก้เกมดีขึ้นมาได้ประตูขึ้นนำจาก เอแวร์ตอน ริเบย์โร่ ตัวสำรองที่ตามซ้ำดาบสองเก็บตกจากที่ ริชาร์ลิซอน ยิงติดเซฟขอ เคลาดิโอ บราโว่ พาทีมเยือนชิงขึ้นนำ ชิลี 1-0
ช่วงท้ายเกมเกิดจังหวะปัญหาเมื่อ อาร์ตูโร่ วิดาล ถูกผลักล้มลงไปในกรอบเขตโทษ และเกิดความวุ่นวายเล็กน้อยเมื่อผู้ตัดสินไม่เป่าเป็นจังหวะฟาวล์ จนเกือบทำให้เหตุการณ์บานปลาย และจบเกมด้วยชัยชนะของ ทัพ”แซมบ้า” 1-0 เก็บชัยชนะ 7 นัดรวดมี 21 คะแนนนำโด่งเป็นจ่าฝูงมีแต้มเหนือ อาร์เจนติน่า อันดับ 2 ถึง 6 คะแนน